เป็นที่รู้กันดีว่างานทางด้านไฟฟ้าเเละอิเล็คทรอนิกส์หรืองานทางด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้องจะหลีกเลี่ยง
ไม่พ้นในเรื่องของสายไฟฟ้าซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่จะทำให้เกิดงานขึ้นมาถ้าเรารู้ประโยชน์เเล้วมาทำความ
เข้าใจเกี่ยวกับสายไฟกันเลยครับ
สายไฟฟ้าที่เราใช้กันอยู่นั้นจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนที่สำคัญคือ
1. ตัวนำไฟฟ้า (Conductor)
คือส่วนที่เป็นทางเดินของอิเล็กตรอนหรือกระเเสไฟฟ้านั่นเองเพื่อไปยัง Load ทำให้เกิดงานขึ้นองค์ประกอบ
ที่ใช้ทำตัวนำจะเเบ่งได้ 2 อย่างซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญดังนี้
1.1 ทองเเดง Copper
จะใช้งานทั่วไปทั้งภายนอกเเละภายในอาคารเเละจะต้องมีส่วนผสมของทองเเดงไม่น้อยกว่า 98% จะมี
ข้อดีคือทองเเดงเป็นโลหะที่มีค่าความนำไฟฟ้าสูงกว่าเมื่อเทียบกับอะลูมิเนียม (สายไฟที่ดีที่สุดในการเป็นตัว
นำคือทองบริสุทธิ์ ตามลำดับ) ซึ่งทองเเดงนั้นมีความ เเข็เเรง เหนียว เเละทนต่อการกัดกร่อนได้ดี เเต่ทอง
เเดงก็ยังมีข้อเสียที่น้ำหนักเเละราคาสูงกว่า อะลูมิเนียม เพราะฉะนั้นทองเเดงจึงไม่เหมาะสำหรับงานทางด้าน
ไฟฟ้าเเรงดันสูง
1.2 อะลูมิเนียม Aluminium
จะใช้งานเกี่ยวกับสายไฟฟ้าเเรงสูงในระบบสายส่งเเละส่วนมากจะใช้เป็นสายเปลือยเเละต้องมีส่วนผสม
ของอะลูมิเนียมไม่น้อยกว่า 9903% ข้อดีของมันเมื่อเทียบกับทองเเดงคือน้ำหนักเบาเเละราคาก็ยังถูกกว่าถ้า
ทิ้งอะลูมิเนียมไว้ในอากาศจะทำให้เกิดออกไซค์ขึ้นที่อะลูมิเนียมเเต่ตัวออกไซค์ที่เกิดขึ้นนั้นมันจะเป็นเหมือน
ฟิล์มที่ใช้เคลือบสายไฟเพื่อป้องกันการกัดกร่อนเเต่การเชื่อมต่อนั้นจะเป็นไปได้ยาก
2. ฉนวน (Insulated)
คือส่วนที่เป็นตัวป้องกันการสัมผัสกับสายไฟโดยตรง โดยสภาพเเล้วฉนวนจะไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้า ฉนวน
จะต้องสามารถป้องกันตัวนำไฟฟ้าจากความร้อนหรือของเหลวที่สามารถกัดกร่อนตัวนำไฟฟ้าเเละสามารถกัน
น้ำได้ดี ฉนวนที่ใช้หุ้มตัวนำไฟฟ้าต้องมีความต้านทานสูงต้องไม่ถูกกรดหรือด่างกัดกร่อนได้ตั้งเเต่อุณหภูมิ
0 ถึง 200 องศาฟาเรนไฮต์ เเละต้องไม่ดูดความชื้นในอากาศ ฉนวนที่ใช้หุ้มตัวนำไฟฟ้ามีอยู่หลายชนิดได้เเก่
เเร่ใยหิน ยางทนความร้อนพลาสติก เเต่วัสดุที่นิยมคือ 1. PVC (Polyvinyl Chloride) 2. XLPE (Cross Linked
- Polyethylene)
สายไฟฟ้าจะเเบ่งออกได้เป็น 2 อย่างคือ
1. สายเปลือย (Bare Wire)
คือสายไฟที่ปราศจากสิ่งใดๆมาหุ้มที่ตัวนำ สายไฟชนิดนี้ค่อนข้างจะอันตรายสามารถที่จะทำการเเบ่ง
ตามการใช้งานได้อีก คือ
-ชนิดที่ใช้เกี่ยวกับเครื่องจักรกลไฟฟ้า เช่น ลวดตัว นำที่พันอยู่ในมอเตอร์ (ลวดตัวนำอาบน้ำยา)
-ชนิดที่ใช้กับระบบสายส่งไฟฟ้าเเรงดันสูง
2. สายหุ้มฉนวน (Insulated Wire)
จะเป็นสายไฟฟ้าที่ใช้งานกันโดยทั่วไปตามบ้านพักอาศัยตามโรงงานอุตสาหกรรมเเละอื่นๆ จะเป็นสาย
ไฟฟ้าที่ใช้งานกันโดยทั่วๆไปตามบ้านพักอาศัยตามโรงงานอุตสาหกรรมเเละอื่นๆ
เลข 1. คือ ตัวนำไฟฟ้า
เลข 2. คือฉนวนที่ใช้หุ้มตัวนำไฟฟ้า
มาตรฐานของสายไฟฟ้าที่ใช้ในปัจจุบันนี้คือ
AWG=(American Wire Gauge)
BWG=(Birmingham lron Wire Gauge)
SWG=(British Standard Wire Gage)
mm.G (millimeter Gauge)
มาตรฐานที่เราคุ้นเคยมากที่สุดบ้านเราคือ AWG เเละ SWG มาตรฐานที่ระบุทั้ง 4 เปฝ้นมาตรฐานที่ใช้วัด
ขนาดสายไฟด้วยไวร์เกจเพื่อวัดว่าสายไฟมีขนาดโตเท่าไร
สีของฉนวนที่ใช้หุ้มสายไฟเพื่อให้เกิดความเข้าใจในการทำงาน
1. Insulated 2 Core = เทา+ดำ หรือ ขาว+ดำ
2. Insulated 3 Core = เทา (ขาว) +ดำ+เเดง
3. Insulated 4 Core = เทา (ขาว) +ดำ+เเดง+น้ำเงิน
4. Insulated 5 Core = เทา (ขาว) +ดำ+เเดง+น้ำเงิน+เหลือง
5. Ground = สายเขียว
การหาขนาดของสายไฟ
ขนาดของสายไฟคิดเป็นพื้นที่หน้าตัดโดยที่พื้นที่หน้าตัดจะมีหน่วยเป็น
1. เซอร์คูลามิล (Circular mil.)
2. สเเควร์มิล (Square mm.)
3. สเเควร์อินช (นิ้ว) (Square inch)
ซึ่งเเต่ละหน่วยของพื้นที่หน้าตัดสามารถที่จะทำการเเปลงค่าเปลี่ยนไปได้
สายไฟส่วนมากจะกำหนดขนาดข้อมูลที่สำคัญไว้บนสายเลยยกตัวอย่างเช่น 750 V PVC 70 ํ C VCT
3x2.5 SQ.mm สามารถอธิบายได้ดังนี้
750 V = เป็นสายไฟที่ทนเเรงดันได้ 750 Volt
PVC = ฉวนวทำด้วย PVC
70 ํ C = ทนอุณหภูมิได้ไม่เกิน 70 ํC
VCT = เป็นสายไฟชนิด VCT
3x25 SQ.mm + เป็นสายไฟที่มี 3 เส้น พื้นที่หน้าตัดเท่ากับ 2.5 SQmm.
เเละค่าสุดท้ายที่สำคัญคือค่า Voltage Drop เนื่องมาจากว่าในสายไฟจะมีค่าต้านทานอยู่ซึ่งถือว่า
เป็นค่าที่สูญเสีย โดยเฉพาะการใช้งานที่สายยาวๆ จะต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วย ซึ่งสูตรที่ต้องใช้คือ
1 เฟส 2 สาย VD = 2.l (R.cos⌀ + X.sin ⌀)
3 เฟส 4 สาย VD = 3.l (R.cos⌀ + X.sin ⌀)
ความหมายของสัญลักษณ์ต่างๆเเทนค่าต่างๆดังนี้
VD = Voltage drop = เเรงดันตก (V)
I = กระเเสไฟฟ้าที่ไหลในวงจร (A)
R = ค่าความต้านทานทางเดียวของสายไฟฟ้า (ohm)
X = ค่า Reactance ของสายไฟฟ้า (ohm)
Cos⌀ = ค่า Power Factor
เนื่องจากในบางครั้งการคำนวณสายไฟ อาจจะไม่ค่อยสะดวกนักจึงได้มีการสร้างตารางเพื่อหาค่าต่างๆ
ที่จำเป็นในการใช้งานไว้
***ถ้าใช้ตารางในการคำนวณ สามารถใช้สูตรได้ดังนี้
เเรงดัน =ค่าสัมประสิทธิ์ในตาราง x กระเเสที่ใช้ x ระยะทาง
1000
ตัวอย่าง ระบบไฟฟ้า 380 V 3 เฟส 4 สาย ใช้สายไฟฟ้าขนาด 70 mm² เดินในท่อโลหะเป็นระยะทาง
120 เมตร Load ใช้กระเเสไฟฟ้า 85 A จงหาค่าเเรงดันที่ตกที่เกิดขึ้นในสาย
จากตารางค่าเเรงดันตกสูงสุด
สาย 70 mm² เดินในท่อมีเเรงดันตก = 0.59 mV/A/m
เเรงดันตก = (0.59 x 120 x 85) /1000
สายไฟฟ้าขนาด 70 mm² ระยะทาง 120 เมตร จะมีเเรงดันลด = 6.018 V
ตัวอย่าง ระบบไฟฟ้า 380 V สายไฟตามตารางเดินท่อโลหะเป็นระยะทาง 150 เมตร Load ใช้กระเเส
ไฟฟ้า จำนวน 90 A จะต้องใช้สายไฟฟ้าขนาดเท่าใด โดยจำกัดให้เเรงดันตกไม่เกิน 2%
จากโจทย์ที่กำหนดไว้ เเรงดันตก = (2 x 380) /100
ต้องไม่เกิน = 7.6 V
= 7.6 x 1000 /90 x 150
= 0.56 mV/A/m
จากตารางเลือกใช้ขนาดสายไฟ 70 mm² เดินในท่อโลหะเนื่องจากเป็นค่าที่ใกล้เคียงกับที่คำนวณ
ไว้ซึ่งมีค่าเเรงดันตกสูงสุด 0.59 mV/A/m หรือ = 0.59 x 90 x 150 /1000
ใช้สายไฟขนาด 70 mm² ระยะทาง 150 เมตร จะมีค่าเเรงดันตกทั้งหมด = 7.96V
ซึ่งเนื้อหาข้อมูลที่นำมาลงนี้เป็นเพียงข้อมูลที่สำคัญๆส่วนหนึ่งเท่านั้น ท่านสามารถอ่านเนื้อหาเพิ่ม
เติมได้จากหนังสือที่เกี่ยวกับไฟฟ้าครับ
เรื่อง : อนุรักษ์ ตระกุลสิริโชค (เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม)